เชื่อว่าหลายๆท่านคงเคยสงสัยว่า เมื่อไหร่ที่เราควรใช้การประคบร้อนในการบำบัด หรือเคยไม่แน่ใจว่า เรามีอาการปวดหัวข้างเดียวแบบนี้ควรประคบเย็นหรือประคบร้อนกันแน่ วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจในเรื่องนี้กันค่ะ
การประคบเย็น อาการที่ควรประคบเย็น ได้แก่ ปวดหัว มีไข้สูง ปวดฟัน ปวดบวมข้อเท้า ข้อเคล็ด เลือดกำเดาไหล หรือ ปวดบวมบริเวณอื่นๆ ที่เกิดจากการได้รับบาดเจ็บเฉียบพลันร่วมกับมีการบวม เพราะความเย็นจะทำให้เส้นเลือดหดตัว ทำให้เลือดออกน้อยลงและช่วยลดบวมได้
การวางอะไรที่เย็นไว้บนหน้าผากเช่น ที่ปิดตาสมุนไพร ที่แช่ในช่องแช่แข็งอย่างน้อย 2 ชั่วโมง จะสามารถช่วยให้เส้นเลือดหดตัว ซึ่งจะไปลดการอักเสบและอาจบรรเทาอาการปวดหัว วิธีนี้ใช้ได้ผลดี โดยเฉพาะอาการปวดบริเวณขมับ หรือไซนัส
การประคบร้อน ใช้เพื่อลดอาการปวดและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เพราะความร้อนจาก ที่ประคบร้อนแบบแห้ง ที่ผ่านการให้ความร้อนด้วยไมโครเวฟอย่างน้อย 40 วินาทีแล้ว จะทำให้หลอดเลือดขยายตัว การไหลเวียนเลือดดีขึ้นจึงลดอาการปวดและตึงกล้ามเนื้อได้ อาการที่ควรประคบร้อน เช่น ปวดตึงของกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอ บ่า ไหล่ หลัง น่อง หรือปวดประจำเดือน เป็นต้น
เมื่อมีอาการปวดกล้ามเนื้อ การประคบร้อนอาจช่วยบรรเทาอาการปวดได้ดีกว่าประคบเย็น โดยเฉพาะกล้ามเนื้อที่มีลักษณะเกร็งแข็ง เมื่อคลำแล้วรู้สึกนูนๆบริเวณต้นคอและไหล่ เมื่อเราใช้ความร้อนประคบตั้งแต่คอลงมาถึงหัวไหล่ จะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงในการประคบร้อน คือ
1. ไม่ควรประคบด้วยความร้อนที่มากเกินไป เพราะจะทำให้รู้สึกแสบร้อนบริเวณที่ประคบ ไม่ควรประคบนานหรือถี่เกินไป
2. ไม่ประคบร้อนในบริเวณที่มีบาดแผลเปิดหรือมีเลือดออก เพราะจะยิ่งทำให้มีการอักเสบเพิ่มมากขึ้น
3. จะใช้วิธีประคบร้อนได้ก็ต่อเมื่อการอักเสบน้อยลงแล้ว ซึ่งสามารถสังเกตได้จากการที่ไม่มีอาการบวม แดง ร้อน ในบริเวณที่ต้องการการประคบ
การประคบร้อน+เย็น ในบางกรณี เช่นอาการปวดหัวไมเกรน อาจต้องใช้ทั้งการประคบร้อนและเย็นควบคู่กันไป เมื่อใช้วิธีประคบเย็นที่หน้าผากหรือท้ายทอยแล้ว อาการปวดยังไม่บรรเทาลง สามารถใช้การประคบร้อนและเย็นพร้อมกัน โดยอาจใช้ ที่ประคบสมุนไพรแบบเย็น ประคบที่หน้าผาก และประคบร้อนที่ท้ายทอย ประคบสลับที่กันทุก 2 นาที ทำให้ได้อย่างน้อย 6 รอบ อาการปวดหัวไมเกรนก็จะทุเลาลงได้
อ้างอิงที่มา
1. th.wikihow
2. ครูบ้านนอกดอทคอม
3. มูลนิธิเพื่อการวิจัยและพัฒนาระบบยา (วพย.)
หน้าที่เข้าชม | 198,409 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 165,052 ครั้ง |
เปิดร้าน | 17 ก.ค. 2556 |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |