ใครจะเชื่อว่าเรื่องเล่าและเรื่องราวของเท้าเหม็นที่คุณอาจไม่เคยรู้
1. ใครจะเชื่อว่าเรื่องเล็กๆอย่างปัญหากลิ่นเท้าเหม็นอาจลุกลามบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ เรื่องนี้เป็นเกิดขึ้นในประเทศจีน มีรายงานการพาดหัวข่าวเช้า ของสำนักข่าวฉงชิ่ง ว่ามีการทำร้ายร่างกายกันบนรถไฟความเร็วสูงที่วิ่งจากเมืองปักกิ่งไปเมืองฉงชิ่งจนต้องมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าระงับเหตุ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบนรถไฟความเร็วสูงเราเป็นเส้นทางระหว่างเมืองปักกิ่งไปยังเมืองฉงชิ่ง โดยผู้โดยสารหญิงทั้งสองคนนี้โดยสารในรถไฟความเร็วสูงขบวนเดียวกัน ระหว่างการเดินทางหญิงวัยกลางคน(มนุษย์ป้า)ได้ถอดรองเท้าของเธอทำให้กลิ่นเท้าของเธอส่งกลิ่นเหม็นไปรบกวนหญิงวัยรุ่นที่นั่งอยู่ใกล้ๆ หญิงสาวจึงได้เอ่ยปากบอกกับมนุษย์ป้าว่าให้เธอสวมรองเท้าซะแต่มนุษย์ป้ากลับไม่สนใจ หญิงสาวจึงประชดและแสดงออกด้วยการใช้กระดาษทิชชูอุดจมูกของเธอเพื่อไม่ให้ได้กลิ่นเท้าที่เหม็น เมื่อมนุษย์ป้าเห็นดังนั้นก็จึงเกิดอาการโกรธและเริ่มตะโกนด่าทอหญิงสาวด้วยถ้อยคำหยาบคาย หญิงสาววัยรุ่นจึงตอบโต้ด้วยการขว้างหมอนที่เธอพกมาใส่มนุษย์ป้าคนนั้น จนทั้งคู่ต่างตบตีกันไว้ความอลหม่าน ผู้โดยสารที่อยู่รอบๆต่างก็ช่วยกันห้ามปราม จนในที่สุดตำรวจก็ต้องเข้ามาห้าม เจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานว่าหญิงสาวมีร่องรอยการถูกข่วนบนใบหน้าและยังถูกกระชากผมอย่างแรงอีกด้วย สุดท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตัดสินว่ามนุษย์ป้าเป็นฝ่ายกระทำผิด โดยจะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับหญิงสาววัยรุ่นเป็นจำนวนเงินถึง 1500 หยวน หรือ ประมาณ 8,200 บาm
2. รู้หรือไม่ ชาร์ลส์ ดาร์วิน(Charles Darwin) นักธรรมชาติวิทยา ชาวอังกฤษ ”บิดาแห่งทฤษฎีวิวัฒนาการของธรรมชาติ” ในวัยเด็กนั้นเค้ามีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องกลิ่นเท้าเหม็นและมีปัญหาเกี่ยวกับการสะกดคำอย่างมาก อ้างอิงจากจดหมายฉบับหนึ่งที่ ชาร์ลส์ ดาร์วิน เขียนถึงเพื่อนตั้งแต่ในวัยเด็ก จดหมายฉบับนี้ถูกค้นพบว่าเขียนขึ้นตั้งแต่วัยเด็ก ก่อนที่ชาร์ลส์ ดาร์วิน จะลาออกจากโรงเรียนแพทย์, ก่อนเหตุการณ์การล่องเรือบีเกิล (HMS Beagle) เพื่อสำรวจธรรมชาติที่หมู่เกาะกาลาปากอส, ก่อนที่เค้าจะเขียนผลงานชิ้นเอก “The Origin of Species” และแน่นอน ก่อนที่เค้าจะได้รับการยกย่องเป็นบิดาของทฤษฎี “วิวัฒนาการโดยการคัดเลือกตามธรรมชาติ ” ซึ่งจดหมายฉบับนี้เขียนว่า
"I only wash my fett [sic] once a month at school, which I confess is nasty, but I cannot help it, for we have nothing to do it with,"
สังเกตว่า นอกจากการสะกดคำที่ผิดแล้ว จดหมายฉบับนี้ยังแสดงให้เห็นว่า เขายังขาดการดูแลเรื่องสุขอนามัยเป็นอย่างมาก เพราะเค้าทำความสะอาดและล้างเท้าเพียงเดือนละครั้งเท่านั้น แน่นอนว่าเท้าของเค้าต้องมีกลิ่นเหม็นไม่น้อยทีเดียว
3. กลิ่นเท้าเหม็นอาจนำไปพัฒนาเป็นยาป้องกันหรือควบคุมโรคมาเลเรียได้ ตลอดระยะเวลากว่าศตวรรษที่ผ่านมา ไข้มาลาเรียถือเป็นไข้ชนิดหนึ่งที่มีความรุนแรงและฆ่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 600,000 คนในทุกปี โดยเฉพาะเด็กในทวีปแอฟริกา ศาสตราจารย์ Andrew Read ศาสตราจารย์ด้านชีวะวิทยาและกีฏวิทยาประจำมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนียกล่าวว่า "วิธีเดียวที่เราจะสามารถหยุดยั้งวงจรชีวิตในการแพร่เชื้อมาลาเรียของยุงได้ คือการทำให้ยุ่งเลิกสนใจในกลุ่มมนุษย์ โดยการใช้กลิ่นมนุษย์มาเป็นตัวล่อยุงเหมือนเป็นการหาอาหารป้อนให้มันแทน" วิธีนี้มีลักษณะคล้ายวิธีที่ใช้ในการควบคุมโรคไข้เลือดออกหรือโรคไข้สมองอักเสบในญี่ปุ่น
อ้างอิงจากการทดลองของ ดร.เจมส์ โลแกน (James Logan) หัวหน้าแผนกวิจัยด้านสุขอนามัยและเวชศาสตร์เขตร้อนของกรุงลอนดอนและทีมงาน ที่ได้ทำการคัดเลือกอาสาสมัครจำนวนหนึ่ง โดยให้อาสาสมัครเหล่านั้นสวมชุดห่อหุ้มร่างกายมิดชิด ลักษณะคล้ายการพันด้วยพลาสติกยืดหด (Plastic wraps) หรือฟอยล์ (Aluminium foil) เหมือนที่เราใช้ในการอุ่นอาหารหรือเก็บรักษาอาหาร เพื่อให้เกิดความร้อนและเหงื่อออก เมื่อเหงื่อออกและกลิ่นเหงื่อกลิ่นตัวออกเต็มที่ จึงทำการต่อท่อเพื่อส่งให้กลิ่นเหงื่อและกลิ่นตัวที่เกิดจากการพันร่างกายถ่ายเทออกไปสู่ปลายท่ออีกด้านหนึ่ง ในขณะที่ปลายท่ออีกท่อหนึ่งวางเปล่าไม่มีกลิ่นเหงื่อหรือกลิ่นตัวของมนุษย์ หลังจากนั้นจึงได้ปล่อยยุ่งจำนวนหนึ่งเพื่อดูว่ายุงเหล่านั้นจะบินไปที่ท่อใด ปรากฏว่ายุงทุกตัวได้มุ่งหน้าบินไปที่ท่อที่มีกลิ่นเหงื่อและกลิ่นตัวมนุษย์
โดยในขั้นตอนต่อไปดร.โลแกน จะต้องทำการแยกเพื่อวิเคราะห์สารเคมีที่เกิดขึ้นในเท้าของมนุษย์เพื่อนำไปพัฒนาเป็นยาที่ล่อยุงต่อไป แม้ว่าในความเป็นจริงกลิ่นเท้าเหม็นจะมีรักจะมีกลิ่นเหม็นคล้ายกลิ่นชีส ซึ่งในเรื่องนี้ดร.โลแกน ก็ได้ทำการโดยการใช้ชีสเช่นกัน ซึ่งผลการทดลองปรากฏว่าเจ้ายุงเหล่านั้นไม่ได้บินไปหากลิ่นชีสแต่อย่างใด เสมือนกับเจ้ายุ่งเหล่านั้นจะรู้ว่ามันไม่ใช่กลิ่นของมนุษย์ จากการทดลองดังกล่าวหากเราสามารถพัฒนาคิดค้นสารเคมีในถุงเท้าของผู้ที่มีกลิ่นเท้าเหม็นมาทำเป็นยาดักยุง ผนวกกับการเรียนรู้และเข้าใจถึงวงชีวิตและการเจริญเติบโตของเชื้อมาลาเรีย เชื่อว่าวิธีนี้อาจจะเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถควบคุมการเกิดและการแพร่เชื้อของไข้มาลาเรียได้ในไม่ช้า
4. เท้าเหม็นจนถูกพักการเรียน – เรื่องราวนี้เป็นเรื่องราวของนักศึกษาชาวดัทช์ นาย Teunis Tenbrook นักศึกษาภาควิชาปรัชญาประจำมหาวิทยาลัย Erasmus ในกรุง Rotterdam ประเทศเนเธอร์แลนด์ เรื่องราวนี้เกิดขึ้นราว 10 กว่าปีก่อนเมื่อนาย Teunis Tenbrook ได้ถูกเหล่าคณาจารย์และนักศึกษาร้องเรียนเรื่องกลิ่นเท้าเหม็นของเค้า ว่าทำให้ทั้งอาจารย์และนักเรียนไม่มีสมาธิในการเรียนและการสอน ซึ่งทางมหาวิทยาลัยก็เห็นดีเห็นงามในการพักการเรียนนักศึกษาคนดังกล่าว
10 ปีต่อมา ศาลได้ตัดสินให้นาย Teunis Tenbrook ชนะโดยลงความเห็นว่า หากอาจารย์หรือนักศึกษาคนใดที่ไม่สามารถทนกลิ่นเท้าเหม็นของเค้าได้ ก็ขอให้ใช้วิธีการอุดจมูกเอาไว้ ทางด้านนาย Teunis Tenbrook เองได้ให้การกับศาลว่าหลังจากที่เขาถูกพักการเรียน เค้าเองก็พยายามที่จะไปหาความรู้ด้วยตัวเองที่ห้องสมุด แต่เขาก็ถูกห้ามไม่ให้ใช้ห้องสมุดด้วยเช่นกัน หลังจากเหตุการณ์นี้ทางมหาวิทยาลัยได้ประกาศว่าต่อจากนี้ แทนที่ทางมหาวิทยาลัยจะพักการเรียนนักศึกษาที่มีเท้าเหม็น ทางมหาวิทยาลัยควรจะหาวิธีที่เหมาะสมในแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นแทน ควรหาทางแก้ที่สาเหตุว่า เท้าเหม็นเกิดจากอะไร เท้าเหม็นแก้ยังไง เท้าเป็นรูพรุนหรือไม่ จะต้องใช้สเปรย์ดับกลิ่นเท้า หรือวิธีแก้รองเท้าเหม็นอย่างไร เพื่อให้มหาวิทยาลัย Erasmus เป็นสถาบันประชาธิปไตยแห่งการเรียนรู้อย่างแท้จริง
5. เชื่อหรือไม่ ซูเปอร์สตาร์ระดับโลกหลายคน ก็ประสปกับปัญหาเท้าเหม็นเช่นกัน นักร้อง Super star ระดับ Hollywood ที่มีรายงานข่าวเรื่องเท้าเหม็น(ตีนเหม็น) นักร้องสาวสวย Britney Spears เจ้าของฉายา”เจ้าหญิงเพลงป๊อป” ก็เป็นคนหนึ่งที่เคยอับอายจากปัญหากลิ่นเท้าเหม็นของตัวเองมาแล้ว หนังสือพิมพ์ Britain's The Sun newspaper รายงานว่า ระหว่างการเดินทางบนเครื่องบินซึ่งเดินทางจาก ลอสแองเจิลลิส ไปยัง นิวยอร์ก ที่ Britney Spears เป็นหนึ่งในผู้โดยสาร ขณะที่เครื่องบินบินขึ้นได้ซักพัก Britney Spears จึงถอดรองเท้าออกเพื่อพักผ่อนอิริยาบถ ทำให้กลิ่นเท้าเหม็นของเธอกระจายไปรบกวนผู้โดยสารท่านอื่นอย่างไม่น่าเชื่อ จนผู้โดยสารท่านนึงต้องแจ้งกับแอร์โฮสเตท และก็มีผู้โดยสารอีก 3-4 คน กล่าวสมทบด้วย ผู้โดยสารท่านนึงได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากแอร์โฮสเตทบอกกล่าวและขอความร่วมมือกับเธอ “เธอก็หน้าแดงด้วยความเขินอาย และกล่าวแก้เก้อว่า รองเท้าคู่ที่เธอสวมตู่นั้นทำให้เท้าเธอส่งกลิ่นเหม็น...โชคดีนะ ที่เธอสวมรองเท้ากลับให้ตามคำขอแต่โดยดี”
นักร้อง Super star อีกคนที่มีปัญหากลิ่นเท้าเหม็นก็คือ Elvis Presley ราชาเพลงร็อคผู้ล่วงลับ Elvis Presley ก็เป็นอีกคนที่มีไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตและดูแลตัวเองคล้ายกับ Britney Spears เช่น มักไม่อาบน้ำ ไม่แปรงฟัน แม้ต้องออกไปทำงาน จะใช้แต่โรลออน โคโลญจน์ น้ำหอมเพื่อดับกลิ่นตัวและกลิ่นเต่า ซึ่งเพื่อนร่วงวงของเอลวิสเองก็เคยให้สัมภาษณ์ว่า “กลิ่นเท้าของเอลวิสนี่ เหม็นสุดๆ”
หรือจะเป็นกรณีของนักแสดง ฮอลลีวู้ดสาวสวย Lindsay Lohan ที่เป็นอีกคนที่ได้รับการกล่าวถึงในเรื่องกลิ่นเท้าเหม็นอยู่พอสมควร ซึ่งในเรื่องนี้แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังเคยให้สัมภาษณ์กับ Oprah Winfreyในรายการทอล์คโชว์ชื่อดัง ว่าอวัยวะที่เธอเกลียดที่สุดในร่างกายของเธอก็คือ เท้า นั่นเอง ปัญหาเท้าเหม็นของ Lindsay Lohan ไม่ได้เกิดจากการไม่รักษาความสะอาดหรือดูแลสุขอนามัยไม่ดีพออย่างเช่นในกรณีของ Britney Spears หรือ Elvis Presley เพราะ Lindsay Lohan มีกลิ่นเท้าเหม็น ที่เกิดจาก เชื้อรา หรือ ฮ่องกงฟุต เพื่อนสนิทของเธอเคยบอกว่า เธอมีปัญหากลิ่นเท้าเหม็นมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ซึ่งตัว Lindsay Lohan เองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเธอไปได้รับเชื้อรา(ฮ่องกงฟุต)มาจากที่ไหน เพราะโดยส่วนตัวเธอเองนั้น เธอดูแลรักษาความสะอาด และระมัดระวังอยู่เสมอเมื่อต้องเข้าห้องน้ำหรือไปสปา ปัญหากลิ่นเท้าเหม็นของเธอสร้างความวิตกกังวลรวมทั้งสร้างความอับอายให้เธอมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง เธอเคยถึงกับปฏิเสธที่จะเข้าไปทานอาหารญี่ปุ่นเมื่อลูกค้าทุกคนที่ร้านจะต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าไปนั่งรับประทานอาหาร หรือจะเป็นภาพถ่ายที่ปาปารัสซี่ถ่ายไว้ได้เมื่อเธอเดินออกจากบ้านเพื่อนคนหนึ่งใน L.A. ด้วยรองเท้าส้นสูงคู่สวยพร้อมกับเท้าที่เต็มไปด้วยแป้งฝุ่นจนฟุ้งกระจายเต็มไปหมด เครดิตรูปภาพจาก BlackBook
หน้าที่เข้าชม | 198,409 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 165,052 ครั้ง |
เปิดร้าน | 17 ก.ค. 2556 |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |