นักประวัติศาสตร์เชื่อว่า ในสมัยมนุษย์ถ้ำ มนุษย์ยังไม่มีความกังวลใจหรือคำถามว่า ”กลิ่นตัวแรงมากทํายังไงดี” หรือ “ทํายังไงให้กลิ่นตัวหอม” เพราะในสมัยนั้น “ตัวเหม็น” ถือเป็นเรื่องธรรมดามากๆของมนุษย์ นอกจากนี้ นักมานุษยวิทยายังมีความคิดเห็นว่า การที่มนุษย์มีกลิ่นตัวเหม็นเขียว กลิ่นเต่าแรงในสมัยนั้น ยิ่งช่วยให้มนุษย์มีโอกาสรอดพ้นจากฐานะผู้ถูกล่ามากยิ่งขึ้น เพราะกลิ่นตัวมนุษย์ จัดว่าเป็นกลิ่นที่น่าขยะแขยงอันดับต้นๆของสิ่งมีชีวิต ถ้ามีทางเลือกอื่นที่กลิ่นหอมรัญจวนกว่า(555) ผู้ล่าก็จะไม่สนใจที่จะกินมนุษย์ที่มีกลิ่นอันน่ารังเกียจ
สมัยอียิปต์ (Ancient Egyptians) - จากบันทึกต่างๆสามารถบ่งชี้ได้ว่า ชาวอียิปต์โบราณเริ่มมีความกังวลใจในปัญหากลิ่นตัวเหม็น เพราะในยุคนี้ เริ่มมีการใช้น้ำอบ น้ำหอมผสมกับน้ำอาบ เพื่อกําจัดกลิ่นตัวแรง และบางคน ใช้การรมควันธูปใต้รักแร้ เป็นวิธีกําจัดกลิ่นเต่าแทนการใช้โรลออนเช่นในปัจจุบัน
ส่วนผู้หญิงในยุคอียิปต์โบราณ มักนิยมใช้ขี้ผึ้งกลิ่นหอมวางไว้บนศีรษะ เพื่อให้ค่อย ๆ ละลายช้า ๆ ตลอดทั้งวัน เป็นตัวช่วยในการกลบกลิ่นตัวติดเสื้อ และกลิ่นตัวเหม็น ซึ่งในยุคนั้นก็ถือว่าได้ผลดีเลยทีเดียว
สมัยกรีกและโรมัน (Ancient Romans and Greeks) – ชาวกรีกโบราณได้สืบสานพฤติกรรมการชอบอาบน้ำและแช่น้ำหอมมาจากชาวอียิปต์เต็มๆ สังเกตได้จาก อ่างอาบน้ำสาธารณะ ที่เราสามารถพบเห็นได้ตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆในยุโรปมากมาย อีกทั้งคำกล่าวของกวีชาวกรีกท่านหนึ่ง Homer once ที่เคยกล่าวไว้ว่า “การเป็นเจ้าบ้านที่ดีนั้น เมื่อมีแขกมาเยือน ควรให้การต้อนรับด้วยการตระเตรียมและเชื้อเชิญให้ แขกผู้มาเยือนได้อาบน้ำและแช่ในน้ำมันหอมระเหยอย่างดี”
ในส่วนของชาวโรมันโบราณ ยิ่งให้ความสำคัญกับวิธีทําให้กลิ่นตัวหอมและการกําจัดกลิ่นตัวให้หายเหม็นอย่างถาวรเห็นได้ชัด จากการที่ชาวโรมันนิยมอาบน้ำและแช่ตัวในน้ำหอม ที่สำคัญคือชาวโรมันยังนำเสื้อผ้าลงไปแช่ในน้ำหอมเพื่อให้กลิ่นหอมติดในเสื้อผ้าอีกด้วย ในชาวโรมันที่มีฐานะดีหน่อย ก็จะอาบและพรมน้ำหอมให้กับม้า รวมถึงสัตว์เลี้ยงในบ้านของเค้าด้วย
ยุคกลาง (The Middle Ages) – เมื่อคริสตจักร ได้มีบทบัญญัติถึงเรื่องการเปลือยกาย การแช่อ่างอาบน้ำในที่สาธารณะ ว่าเป็นสิ่งไม่ดี ทำให้ผู้คนในยุคนั้นเลิกการเปลือยกายอาบน้ำและแช่น้ำ ผู้ที่มีฐานะดีเริ่มหันมาใช้น้ำหอมในการกลบกลิ่นตัวแทน โดยใช้ต่อเนื่องยาวนานมาจนถึงศตวรรษที่19 สำหรับผู้ที่ฐานะยากจน ก็ใช้วิธีอื่นแทนการใช้น้ำหอมราคาแพงเพื่อกลบกลิ่นตัวแรงเช่นกัน
ยุคปัจจุบัน – เริ่มมีการใช้สารช่วยระงับกลิ่นกายที่เรียกว่า “DEODORANT” ในปี 1888 และเริ่มมีผลิตภัณฑ์ช่วยลดเหงื่อรักแร้ (Antiperspirant) เป็นวิธีแก้เหงื่อออกเยอะ ขึ้นในปี 1903 จนกระทั่งปี 1952 จึงเริ่มมีผลิตภัณฑ์ประเภทหัวลูกกลิ้ง “โรลออน” วางจำหน่าย
ในช่วงเวลาเพียง 10 ปี ระหว่างปี ค.ศ. 1942 ถึง 1957 ตลาดของผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย เพิ่มสูงขึ้นถึง 600 เท่า จากที่เคยแพร่หลายเฉพาะในกลุ่มผู้หญิง ปรากฏว่าเริ่มแพร่หลายในกลุ่มผู้ชาย และมีรายงานว่า 50%ของผู้ชาย ใช้โรลออนระงับกลิ่นกาย ลดเหงื่อรักแร้เป็นประจำทุกวันอย่างขาดไม่ได้
ในเมืองไทย ก็มีการใช้สารส้มทารักแร้เพื่อดับกลิ่นตัวแรง ลดเหงื่อออกรักแร้เยอะ มาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย จนในปัจจุบัน จึงเริ่มมีผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายประเภทโรลออนเข้ามาจำหน่าย ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักมีสารอลูมิเนียม คลอไฮเดรท เป็นส่วนผสม เพื่อช่วยลดเหงื่อ ด้วยการบล็อกและปิดกั้นรูขุมขนไม่ให้เหงื่อที่รักแร้ออก ซึ่งนักวิชาการไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะถือว่าเป็นการฝืนธรรมชาติกลไกการขับของเสียของร่างกายตามธรรมชาติ
นอกจากนี้ยังมีรายงานการวิจัย ทั้งในไทยและต่างประเทศ ถึงอันตรายจากการสะสมของสารโลหะหนักอลูมิเนียม ที่อาจแทรกซึมเข้าระบบไหลเวียนของเลือด เนื่องจากต่อมเหงื่อและต่อมไขมันใต้วงแขนติดกับเต้านม การใช้โรลออนที่มีสารอลูมิเนียมทาใต้วงแขนต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจเกิดการสะสมของสารเคมีตกค้าง เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆตามมา เช่น มะเร็งเต้านม เป็นต้น
ดังนั้นวิธีการกำจัดกลิ่นตัวด้วยผลิตภัณฑ์ทางเลือกอื่นๆ น่าจะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงนี้ได้ดีกว่า เช่นการใช้ สเปรย์ระงับกลิ่นกาย ที่ใช้สารสกัดจากธรรมชาติแท้ เพื่อระงับกลิ่นเต่า ลดเหงื่อรักแร้ แก้รักแร้ดำ แทน น่าจะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด เพราะในผลิตภัณฑ์บางตัว(ส่วนใหญ่) ก็จะมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพื่อใช้แอลกอฮอล์ช่วยเสริมฤทธิ์ในการทำลายเชื้อแบคทีเรีย เพื่อระงับกลิ่นกาย ซึ่งแอลกอฮอล์นี่เอง ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้รักแร้ดำ เพราะแอลกอฮอล์ถือเป็นสารก่อความระคายเคืองให้กับผิวหนังอันดับต้นๆ จึงเป็นสาเหตุทำให้รักแร้ดำหากใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน
เพราะฉะนั้นการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นตัวแรงครั้งต่อไป ควรพิจารณาตัวที่ ไม่มีสารอลูมิเนียม และ แอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ และหากเลือกผลิตภัณฑ์ ที่ส่วนผสมมีฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรียอยู่ด้วย ก็จะสามารถกำจัดกลิ่นเต่าเหม็นได้อย่างแท้จริง ดังเช่น สเปรย์สมุนไพร 19 Herbal All Natural Deodorant ที่นอกจากส่วนผสมทั้งหมดจะมาจากธรรมชาติ100% และมีฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรียเพื่อแก้ปัญหากลิ่นตัวแรงอย่างได้ผลแล้ว สเปรย์ระงับกลิ่นกาย 19 Herbal All Natural Deodorantยังมีส่วนผสมของมะหาดในสูตรที่ ช่วยให้รักแร้ขาวขึ้น ได้อีกด้วย
Credit Photography
1. หญิงยุคอียิปต์ - en.wikipedia.org
2. Bathing ยุคโรมัน - pixabay.com/juliaavisphillips
3. อุตสาหกรรมน้ำหอม ในฝรั่งเศสยุคกลาง - flickr.com/Dennis Jarvis
หน้าที่เข้าชม | 198,409 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 165,052 ครั้ง |
เปิดร้าน | 17 ก.ค. 2556 |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |